รีวิว La Trobe University

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

La Trobe University ดีไหม

 

“มหาวิทยาลัยในเมืองเมลเบิร์น มีวิทยาเขตหลักขึ้นไปทางเหนือของเมือง อยู่ในย่านที่มีบรรยากาศธรรมชาติ อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี   La Trobe มีพื้นที่กว้างขวาง ลงตัวทั้งในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกที่มหาวิทยาลัยจัดเตรียมไว้ และสัดส่วนของจำนวนนักศึกษาทั้งหมดและนักศึกษาต่างชาติที่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป”  

 

Judgment (มหาวิทยาลัยนี้ดีไหม)

La Trobe เป็นมหาวิทยาลัยที่มี ranking ภายในประเทศอยู่ระดับกลางๆ  ทำผลงานได้ดีในหลายสาขาวิชาโดยเฉพาะในสายสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และนิเทศศาสตร์

ในเรื่องที่ตั้งของวิทยาเขตหลัก ถือว่าเสียเปรียบเพราะวิทยาเขตหลักอยู่ไกลจากใจกลางเมืองเมลเบิร์นขึ้นไปทางเหนือ  ไม่ค่อยคุ้มกับการเดินทางไปกลับ ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการพักอาศัยใกล้ใจกลางเมือง  นักศึกษาของ La Trobe ส่วนใหญ่จะพักใกล้มหาวิทยาลัย  แต่ La Trobe ก็ได้มีวิทยาเขตขนาดเล็กที่เปิดใหม่ใจกลางเมืองเมลเบิร์น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักศึกษาที่ต้องการเรียนที่ La Trobe ขณะที่ยังคงสามารถพักอาศัยอยู่ในใจกลางเมืองได้ด้วย

เราชอบบรรยากาศของมหาวิทยาลัย  เหมาะมากกับผู้ที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศความเป็นมหาวิทยาลัยในออสเตรเลียด้วยพื้นที่ใหญ่ กว้างขวาง มีความเป็นธรรมชาติ ไม่วุ่นวาย อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี  นอกจากนี้ La Trobe เป็นมหาวิทยาลัยหนึ่งที่มีขั้นตอนการพิจารณาผลคะแนนภาษาอังกฤษที่ยืดหยุ่นมาก เนื่องจากรับพิจารณาผลคะแนนการเรียนภาษาจากของมหาวิทยาลัยอื่นๆ เกือบจะทั้งหมดในเมืองเมลเบิร์น

_____________________________________________________________________________

คะแนนรวมเฉลี่ย

การให้คะแนน โดยพิจารณาหัวข้อที่สำคัญ (คะแนนเต็ม 5) ให้น้ำหนักเท่ากันทุกหัวข้อ

  • ชื่อเสียงระดับโลก [2.5/5] – อันดับโลกอยู่ระหว่าง 351-400 (ขึ้นกับสถาบันที่จัดอันดับ ขณะที่ Times และ QS มีความเห็นในเรื่องอันดับโลกของ La Trobe ไม่ต่างกันนัก)
  • ชื่อเสียงภายในประเทศ [3/5] – หลายปีที่ผ่านมา ranking ภายในประเทศถูกจัดให้อยู่ระหว่างอันดับที่ 18-24 จากทั้งหมด 38 มหาวิทยาลัยที่เรานำมาวิเคราะห์โดยวิธี Quantitative Interviews และ Perceptual Mapping
  • คะแนนแอดมิดชั่นที่รับ [1/5] – เป็น 1 ใน 3 มหาวิทยาลัยที่มีเกณฑ์การรับคะแนนแอดมิดชั่นระดับปริญญาตรีต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยอื่นในเมืองเดียวกัน (โดยอีกสองมหาวิทยาลัย คือ Deakin University และ Victoria University)
  • งานวิจัย [3/5] – ได้รับเงินสนับสนุนด้านงานวิจัยจากรัฐบาลออสเตรเลียในปีล่าสุดอยู่ที่ 33,426,524 Australian Dollars เป็นระดับที่ใกล้เคียงกับอีกสองมหาวิทยาลัยร่วมเมืองอย่าง RMIT University และ Deakin University
  • ความเก่าแก่ของมหาวิทยาลัยนับจากได้รับสถานะ [2.5/5] – ปี 1964 เก่าแก่เป็นอันดับที่ 11 จากทั้งหมด 38 มหาวิทยาลัยที่เรานำมาวิเคราะห์
  • ที่ตั้งวิทยาเขตหลักใกล้ CBD [2.5/5] – วิทยาเขตหลักอยู่ห่างจากใจกลางเมืองไปทางเหนือประมาณ 16 กิโลเมตร นักศึกษาส่วนใหญ่เช่าที่พักในย่านใกล้มหาวิทยาลัยจะสะดวกกว่า
  • ระดับค่าเรียน [3/5] – ระดับค่าเรียนเฉลี่ยต่อปีใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศ จากทั้งหมด 38 มหาวิทยาลัยที่เรานำมาวิเคราะห์ และถูกกว่ามหาวิทยาลัยร่วมเมืองอย่าง University of Melbourne และ Monash University อยู่มาก

คะแนนรวมเฉลี่ย [2.50/5]

หมายเหตุ: Methodology (ระเบียบวิธีคำนวณ) ถูกอธิบายไว้ในตอนท้ายของบทความ

_____________________________________________________________________________

จุดเด่น

  • La Trobe ทำผลงานได้ดีในสาขาสาขาสังคมวิทยา มนุษยวิทยา มนุษยศาสตร์ โบราณคดี และนิเทศศาสตร์ ขณะที่สาขาที่เกี่ยวกับภาษาศาสตร์เริ่มทำผลงานได้ดีจนติดระดับต้นๆ ของประเทศ
  • บรรยากาศของมหาวิทยาลัยดีมาก ภายในมหาวิทยาลัยมีความเป็นธรรมชาติ อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ไม่วุ่นวาย เหมาะแก่การเรียนเป็นอย่างยิ่ง มีความร่มรื่นเหมาะสำหรับนั่งอ่านหนังสือและทำกิจกรรมภายในมหาวิทยาลัย
  • สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ห้องสมุด พื้นที่นั่งอ่านหนังสือ มากเพียงพอสำหรับนักศึกษา แบบไม่แออัด รวมถึงศูนย์กีฬาเป็นที่นิยมมาใช้บริการของนักศึกษา
  • มีรถตู้บริการรับส่งฟรีภายในมหาวิทยาลัย
  • มีความหลากหลายในกลุ่มนักศึกษาต่างชาติค่อนข้างลงตัว (ยุโรป อเมริกาใต้ เอเชีย และคนออสเตรเลียท้องถิ่น) ไม่กระจุกตัวเฉพาะบางชาติ (ยกเว้นบางสาขา ที่มีนักศึกษาจากอินเดียค่อนข้างมาก เนื่องจาก La Trobe มีความร่วมมือทางด้านการศึกษากับหลายมหาวิทยาลัยในอินเดีย)
  • เป็นมหาวิทยาลัยหนึ่งที่มี English language requirements ยืดหยุ่นมาก เนื่องจากรับพิจารณาผลคะแนนการเรียนภาษาจากของมหาวิทยาลัยอื่นๆ เกือบจะทั้งหมดในเมืองเมลเบิร์น เช่น นำผลคะแนนคอร์สภาษาจาก Deakin University หรือจาก Swinburne University of Technology มายื่นได้

_____________________________________________________________________________

จุดอื่นๆ ที่ควรทราบ

  • อันดับของมหาวิทยาลัยโดยรวมระดับชาติถือว่าอยู่ในระดับกลางเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยทั้งหมดภายในประเทศออสเตรเลีย
  • เสียเปรียบเรื่องที่ตั้ง เนื่องจากวิทยาเขตหลักอยู่ไกลจากใจกลางเมลเบิร์น แม้จะมีระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวก หลายวิธี (รถไฟ รถราง และรถเมล์) ไปที่วิทยาเขตหลักก็ตาม แต่ต้องใช้เวลาเดินทางถึง 40-50 นาทีจากใจกลางเมือง การพักอาศัยใกล้ในย่านใกล้วิทยาเขตหลักของมหาวิทยาลัยน่าจะสะดวกกว่า
  • บางสาขาวิชาเรียนอาจมีนักศึกษาต่างชาติเพียงชาติเดียวหนาแน่นมาก เช่น อินเดีย เนื่องจาก La Trobe มีความร่วมมือกับหลายมหาวิทยาลัยในอินเดีย

_____________________________________________________________________________

ข้อมูลของมหาวิทยาลัย

ทำความรู้จัก

La Trobe University เป็นมหาวิทยาลัยรัฐที่ตั้งอยู่ในเมืองเมลเบิร์น รัฐ Victoria (รัฐวิคทอเรีย) ก่อตั้งในปี 1964 (พ.ศ. 2507) ชื่อของมหาวิทยาลัยถูกตั้งตามชื่อ Charles Joseph La Trobe (ชาร์ลส โจเซฟ ลา ทรูป) ผู้ซึ่งเป็นผู้ว่าการรัฐ Victoria คนแรกในยุคอาณานิคมของอังกฤษ

มีวิทยาเขตหลักชื่อ Bundoora (ชื่อเดียวกับย่านที่ตั้ง) อยู่ห่างจากใจกลางเมืองเมลเบิร์นไปทางเหนือประมาณ 16 กิโลเมตร   ซึ่งนักศึกษาส่วนใหญ่มาเรียนที่นี่ สามารถเดินทางไปมาได้ภายใน 40-50 นาทีโดยระบบขนส่งสาธารณะ (รถไฟ รถราง และรถเมล์)   อย่างไรก็ตาม นักศึกษาจำนวนมากเลือกพักอาศัยในย่านใกล้มหาวิทยาลัย

นอกจากวิทยาเขตหลักใน Bundoora แล้ว  La Trobe  ยังมีอีกหลายวิทยาเขตย่อยๆ กระจายออกไปทางตอนเหนือของรัฐ Victoria รวมถึงวิทยาเขตขนาดเล็กที่เปิดใหม่ใจกลางเมืองเมลเบิร์น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักศึกษาที่ต้องการเรียนที่ La Trobe ขณะที่ยังคงสามารถพักอาศัยอยู่ในใจกลางเมือง

* จำนวนนักเรียนทั้งหมดของ La Trobe  มีอยู่ประมาณ 37,056 คน มีสัดส่วนของนักเรียนต่างชาติประมาณ 8,648 คน คิดเป็นสัดส่วน 23%

ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยเป็นสมาชิกในกลุ่ม Innovative Research Universities (IRU) (ซึ่งประกอบไปด้วย Charles Darwin University, Griffith University, James Cook University, La Trobe University, Murdoch University, Flinders University และ Western Sydney University)

*ข้อมูลปี 2016

_______________________________________________________________________________

ค่าใช้จ่าย

  • ค่าเล่าเรียนโดยเฉลี่ยต่อปี

– ปริญญาตรี = AUD 31,720         ปริญญาโท = AUD 34,400

 

  • ค่าใช้จ่ายรวมโดยเฉลี่ยตลอดหลักสูตร* (รวมค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน**)

– หลักสูตรปริญญาตรี คำนวณที่ 3 ปี = AUD 152,160

– หลักสูตรปริญญาโท คำนวณที่ 1.5 ปี = AUD 80,100

* ค่าใช้จ่ายรวมจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาหลักสูตร ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าใช้จ่ายขอวีซ่า และค่าเรียนภาษา

** ประมาณค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน (ตัวเลขกลางๆ) ไว้ที่ AUD19,000 ต่อปี

_______________________________________________________________________________

คะแนนภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยกำหนด

  • IELTS

– ปริญญาตรี = 6

– ปริญญาโท = 6.5

 

  • ทางเลือกกรณีคะแนนไม่ถึง
    • สอบตามเกณฑ์คอร์สเรียนภาษาของมหาวิทยาลัย
    • มหาวิทยาลัยมีนโยบายรับผลคะแนนจากการเรียนคอร์สภาษาของสถาบันเอกชนอื่นหรือมหาวิทยาลัยอื่นหลายแห่งในเมืองเมลเบิร์น เช่น Deakin University English Language Institute (DUELI), Monash University English Language Centre, RMIT English Worldwide, ศูนย์ภาษาของSwinburne University of Technology และ Victoria University English Language Institute (ELI)

_____________________________________________________________________________

ลิงค์ที่สำคัญของมหาวิทยาลัย

  • สถาบันภาษาของมหาวิทยาลัย และค่าเรียนภาษา

https://www.latrobemelbourne.edu.au/programs/general-english     

https://www.latrobemelbourne.edu.au/programs/english-further-studies

https://www.latrobemelbourne.edu.au/programs/foundation-business-it-humanities

 

  • ระยะเวลาเรียนแยกตามสาขาวิชา

https://www.latrobe.edu.au/study/undergrad

https://www.latrobe.edu.au/study/postgrad

  • ค่าเรียนหลักสูตรปริญญาตรีแยกตามสาขาวิชา

http://www.latrobe.edu.au/courses/a-z

  • ค่าเรียนหลักสูตรปริญญาโทแยกตามสาขาวิชา

http://www.latrobe.edu.au/courses/a-z

_____________________________________________________________________________

Methodology (ระเบียบวิธีคำนวณคะแนนรวมเฉลี่ย)

ใช้วิธีทางสถิติเพื่อเรตติ้งและเปรียบเทียบคะแนนใน 7 indicators หลัก ได้แก่ World Ranking, National Ranking, Student Demand, Research, University Prestige, Location และ Program Fee จากทั้งหมด 38 มหาวิทยาลัยในออสเตรเลียที่นำมาวิเคราะห์

  1. World Ranking (ชื่อเสียงระดับโลก) – เราวิเคราะห์จากข้อมูลเผยแพร่ประจำปีล่าสุดจากสองสถาบันจัดอันดับมหาวิทยาลัยของโลก ได้แก่ Times Higher Education และ QS World University Rankings
  2. National Ranking (ชื่อเสียงภายในประเทศ) – เราวิเคราะห์โดยวิธี Quantitative Interviews จาก domestic students ในประเทศออสเตรเลียจากมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง ใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,000 คน จากนั้นนำผลที่ได้ไปทำ Perceptual Mapping เพื่อจัดช่วงอันดับ
  3. Student demand (ความต้องการเข้าเรียน) – เราวิเคราะห์จาก ATAR Score ในปีล่าสุด เพื่อดูเกณฑ์การรับคะแนนแอดมิดชั่นระดับปริญญาตรี
  4. Research (ด้านการวิจัย) – เราวิเคราะห์จากจำนวนเงินการทำวิจัยที่รัฐบาลออสเตรเลียจัดสรรให้กับแต่ละมหาวิทยาลัยในปีล่าสุด และสัดส่วนของนักศึกษาวิจัยทั้งระดับปริญญาโท ปริญญาเอก ของแต่ละมหาวิทยาลัยในปีล่าสุด
  5. University Prestige – เราวิเคราะห์โดยใช้ความเก่าแก่ของมหาวิทยาลัย นับตั้งแต่ได้รับสถานะเป็นมหาวิทยาลัยอย่างสมบูรณ์
  6. Location – เราวิเคราะห์จากความใกล้ไกลของ main campus / headquarters campus หรือ วิทยาเขตหลัก ห่างจากบริเวณที่เป็นใจกลางเมืองที่ตั้ง
  7. Program Fee – เราวิเคราะห์โดยคำนวณ average annual course fee หรือ ค่าเรียนเฉลี่ยต่อปี จากสาขาที่เปิดสอนในระดับปริญญาตรี และปริญญาโทของแต่ละมหาวิทยาลัย

_____________________________________________________________________________

ช่วยกด LIKE  กด share ให้ด้วยนะคะ

หากท่านเห็นว่า รีวิวมหาวิทยาลัยนี้ดีไหม ของ Uni-review.com น่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนคนอื่นๆ ที่กำลังหาข้อมูลศึกษาต่อต่างประเทศแล้ว  รบกวนช่วยกด LIKE  กด share ให้ด้วยนะคะ ทางเราจะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวมหาวิทยาลัยต่อไป

Facebook: Uni-Review.com มหาวิทยาลัยนี้ดีไหม

Website: www.uni-review.com

Email: unireview.info@gmail.com


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*